เมื่อมองในภาคการเกษตร พัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว อาจถูกมองว่าไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นัก เนื่องจากเราอาจคุ้นตากับพัดลมขนาดใหญ่ ที่ใช้ในด้านของการเกษตร การปศุสัตว์ อาจคาดไม่ถึงว่า พัดลมระบายอากาศ ที่มีขนาดหน้ากว้างเพียง 6 นิ้ว จะสามารถสร้างประโยชน์อย่างไรให้กับการเกษตรได้ แต่เนื่องจากการเกษตรยุคใหม่ มีการปลูกในรูปแบบของ “โรงเรือน” ซึ่งนั่นคือระบบที่พัดลมขนาดเล็ก จะเข้ามามีส่วนสำคัญในด้านของการควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตรกร เรื่องราวน่าสนใจจะมีอะไรกันบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้
โรงเรือนปลูกพืช คืออะไร ทำไมต้องปลูกพืชในโรงเรือน
โรงเรือนปลูกพืช (Smart Greenhouse) คือ โรงเรือนที่ปลูกพืชโดยติดตามและควบคุมสภาวะแวดล้อมภายในโรงเรือน ได้แก่ ความเข้มของแสง, อุณหภูมิ, ความชื้นอากาศ และความชื้นของดิน โดยส่วนใหญ่แล้วโรงเรือนปลูกพืช มักจะเป็นโรงเรือนธรรมดา เพียงแค่ทำโครงหลังคา กันแดด กันฝน แบบทั่วไป แต่ในปัจจุบันมีหลายโรงเรือนที่เปลี่ยนจากโรงเรือนธรรมดา เป็นโรงเรือนอัจฉริยะ (Smart Greenhouse)
ในการสร้างโรงเรือนปลูกพืช นอกเหนือจากการใช้เป็นสถานที่เพาะเมล็ดพันธุ์ ขยายพันธุ์ รวมถึงเป็นพื้นที่อนุบาลต้นกล้า ยังช่วยให้สามารถวิเคราะห์และวางแผนสำหรับการผลิตพันธุ์พืชได้ นอกจากนี้การที่โรงเรือนปลูกพืชสามารถควบคุมอุณหภูมิ และสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืช ทำให้สามารถปลูกพืชได้ทั้งปี
ไม่เพียงแต่ความสามารถในการควบคุมพันธุ์พืช โรงเรือนยังช่วยแก้ปัญหากวนใจอย่าง แมลง นก หนู กระรอก รวมถึงสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข หรือ แมว เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆได้ เช่น อุปกรณ์พยุงลำต้น อุปกรณ์แขวนผล ซึ่งเป็นการติดตั้งเพียงครั้งเดียว ก็สามารถใช้งานได้ตลอดหลากหลายฤดูการปลูก นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันน้ำฝนลงไปเจือปนในสารละลายธาตุอาหารอีกด้วย
โรงเรือนอัจฉริยะ (Smart Greenhouse) คืออะไร
โรงเรือนอัจฉริยะเป็นโรงเรือนที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อปลูกโดยเฉพาะ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำการเกษตร ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้คือ IOT (Internet of Things) เป็นการผสมผสานระหว่างซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน เช่น การติดตั้งชุดเซนเซอร์และระบบการควบคุมการให้ปุ๋ยและน้ำแบบอัตโนมัติ ตามความต้องการของพืช ทำให้พืชเติบโตได้เร็วและมีคุณภาพตามที่เจ้าของต้องการ เป็นต้น
ข้อดีของการปลูกพืชแบบโรงเรือน
- ควบคุมอุณหภูมิ การปลูกพืชแบบโรงเรือนมีข้อดีคือ สามารถควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ตามที่ต้องการ โดยใช้พัดลมดูดอากาศตามขนาด ทั้ง 6 นิ้ว จนถึง 36 นิ้ว เพื่อให้ได้อุณหภูมิตามที่ต้องการ
- ช่วยการวางแผนปลูกทั้งปี โดยการวางแผนปลูกพืชทั้งปีได้ เนื่องจากความสามารควบคุมทั้งสภาพอากาศ อุณหภูมิ ไปจนถึงการดูแลพืชให้เติบโตตามเป้า
- ป้องกันศัตรูพืช ด้วยการทำโรงเรือนทำให้สามารถป้องกัน แมลง หนู หรือสัตว์ต่างๆที่จะเข้ามาทำลายผลผลิตได้
- จัดโรงเรือนให้เป็นมุมสวยงาม โดยโชว์ต้นไม้ หรือใช้เป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจในสวนได้อีกด้วย
- ควบคุมการให้ปุ๋ยและน้ำ โดยสามารถควบคุมปริมาณที่ใช้ในการทำสวน เพื่อให้ได้ผลผลิตตามต้องการ เนื่องจากพืชแต่ละประเภทมีความต้องการน้ำหรือปุ๋ย ไม่เท่ากัน ดังนั้นการปลูกพืชแบบโรงเรือนช่วยทำให้พืชตามความต้องการ
พัดลมดูดอากาศขนาด 6 นิ้ว เพียงพอหรือไม่ ? สำหรับใช้ในด้านการเกษตร
จากที่ได้กล่าวข้างต้น พัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว อาจดูไม่เพียงพอหากเทียบกับ พัดลมดูดอากาศ 16 นิ้ว แบบติดผนัง หรือ พัดลมดูดอากาศ 24 นิ้ว ซึ่งมีกำลังลมมากกว่า แต่นั่นเป็นการเกษตรแบบเปิด ที่จำเป็นต้องใช้กำลังลมมากว่าเพื่อระบายความร้อน ไปจนถึงการระบายกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ให้ออกไปจากบริเวณนั้น
หากมองตามการใช้งาน พัดลมขนาด 6 นิ้ว ไม่สามารถนำไปใช้งานประเภทนั้นได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นการเกษตรยุคใหม่ที่ใช้การปลูกแบบโรงเรือน พัดลมขนาดเล็กก็เพียงพอ เนื่องจากเป็นระบบระบายอากาศ ที่เชื่อมต่อกับท่อเฟล็กซ์ สร้างการหมุนเวียนของอากาศ ทำให้พืชได้รับสารสำคัญในอากาศอย่าง “คาร์บอนไดออกไซด์” เพื่อการเจริญเติบโตนั่นเอง
ความสำคัญของการมีพัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว ในการทำเกษตรแบบโรงเรือน
หากคุณอยากเริ่มต้นปลูกผักแบบโรงเรือน พัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว เป็นสิ่งที่คุณขาดไม่ได้เป็นอันขาด แม้พัดลมขนาดอื่นจะได้รับความนิยม แต่ถ้าเป็นโรงเรือนทั่ว ๆ ไป ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากนัก พัดลมขนาดนี้ก็เพียงพอแล้ว โดยพัดลมจะทำงานร่วมเข้ากับระบบระบายอากาศอื่น ๆ อย่างเช่น ตัวกรอง ท่ออลูมิเนียมเฟล็กซ์ ฯลฯ จนเกิดระบบระบายอากาศที่สมบูรณ์แบบ มีความสำคัญในหลาย ๆ ด้าน เช่น
- ควบคุมอุณหภูมิ การปลูกพืชโรงเรือนจะไม่จำเป็นต้องเป็นพืชที่ตรงตามฤดูกาล เราสามารถจำลองฤดูกาลด้วยการควบคุมอุณหภูมิได้ เหมาะกับพืชจำพวกเขตอากาศเย็นต่าง ๆ ที่ปลูกได้ยากในประเทศไทย
- ควบคุมความชื้น ความชื้นสัมพัทธ์มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด ระบบระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพจะช่วยในส่วนนี้ได้
- สร้างการหมุนเวียนของอากาศ อากาศเป็นสิ่งสำคัญต่อการปลูกพืช เนื่องจากมีคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องปรุงอาหารของพืชอยู่ ถ้าอากาศหมุนเวียนดี พืชก็จะเติบโตได้เร็ว
- กระตุ้นการเติบโตของพืช ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่สามารถควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้การเติบโตของพืชสามารถควบคุมได้ ไม่ต้องกังวลกับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ เหมือนอย่างการปลูกพืชตามปกติ
- ยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต อากาศที่ร้อนมักทำให้ผลผลิตเสื่อมสภาพโดยเร็ว การมีพัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว ช่วยให้ผลผลิตสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าเดิม ด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด
- เพื่อสุขภาพของผู้ดำเนินงาน สุดท้ายแล้วนอกจากผลผลิตทางการเกษตร ผู้ดำเนินการเองก็มีส่วนสำคัญ การทำงานในสภาวะที่ดี นอกจากพืชพรรณจะสุขภาพดี ผู้ดำเนินการเองก็จะมีสุขภาพดีไปด้วย
การควบคุมอุณหภูมิในโรงเรือน สำคัญยังไง
สำหรับประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น โอกาสที่ผลผลิตจากพืชจะได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่ร้อนมีสูง จึงทำให้ต้องติดตั้งโรงเรือน และติดตั้งพัดลมดูดอากาศเพื่อระบายความร้อน รวมถึงรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสมในโรงเรือน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของภาวะร้อนจนเกินไป หรืออากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
3 เทคนิคประยุกต์ใช้พัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว เพื่อส่งเสริมผลลัพธ์ทางการเกษตร
หลังจากได้รู้กันไปแล้ว ถึงความสำคัญของการนำพัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว เข้ามามีส่วนร่วมกับการทำเกษตรยุคใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าการมีพัดลมดูดอากาศเพียงอย่างเดียว จะสามารถการันตีคุณภาพของผลผลิตได้ เนื่องจากระบบโรงเรือนที่ดี จะต้องมีการวางแผนจัดการอย่างเป็นระบบ ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในด้านการติดตั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การมีความรู้เบื้องต้น ก็สามารถประยุกต์ใช้พัดลมดูดอากาศให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้เช่นกัน โดยเรามี 3 เทคนิคดี ๆ ที่คุณทำได้ด้วยตนเองมาฝาก
1.การติดตั้งที่เหมาะสม
คุณต้องมั่นใจว่าในโรงเรือนของคุณ ภายในระบบระบายอากาศ มีพัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว อยู่ในปริมาณที่เพียงพอ หากติดตั้งพัดลมน้อยเกินไป อาจทำให้ในระบบระบายอากาศไม่สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง อาจส่งผลเสียต่อผลผลิตทางการเกษตรได้ ดังนั้นต้องคำนวณในเรื่องของการทำงานของระบบให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้
2.หมั่นตรวจสอบความชื้นสัมพัทธ์อย่างสม่ำเสมอ
ควรตรวจสอบอยู่เสมอ หลังจากติดตั้งพัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว เข้ากับระบบระบายอากาศเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะความชื้นสัมพัทธ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อโรคหลาย ๆ โรคที่เกิดในผัก ยกตัวอย่างเช่น ราน้ำค้าง , โรคเน่าคอดิน , ราสนิมขาว และ โรคใบจุด เป็นต้น ความชื้นสัมพัทธ์ควรอยู่ที่ช่วง 40%-70% ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่ปลูก
3.ควรมีระบบระบายอากาศสำรองเอาไว้ในเหตุฉุกเฉิน
ระบบระบายอากาศของโรงเรือน เปรียบเสมือนกับระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ หากเกิดข้อผิดพลาดทำให้ระบบต้องหยุดชะงัก ก็เปรียบเสมือนกับมนุษย์ที่ขาดอากาศหายใจ ดังนั้นควรเตรียมพัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว รวมไปถึงส่วนอื่น ๆ สำรองเอาไว้เสมอ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจะได้แก้ไขปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วที่สุด
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับเรื่องราวของ “พัดลมดูดอากาศ 6 นิ้ว” พัดลมระบายอากาศ ขนาด เล็กที่สามารถทำให้ระบบโรงเรือนทำงานได้อย่างสมบูรณ์ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังให้ความสนใจด้านเกษตรยุคใหม่ หรืออาจอยากได้ระบบระบายอากาศ UDWASSADU เรามีพัดลมระบายอากาศให้คุณได้เลือกหลากหลายขนาด หลากหลายรูปแบบ สินค้าของเรามีคุณภาพทุกชิ้น เป็นแบรนด์ชั้นนำในระดับโลก พร้อมด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ ทั้งส่วนลด โปรโมชั่น ไปจนถึงการจัดส่งต่าง ๆ สนใจสั่งซื้อสินค้าเพียงติดต่อได้ที่ช่องทางการติดต่อ ต่าง ๆ ของเรา ได้ตลอดระยะเวลาทำการ