Showing 1–12 of 47 results

ท่อ ppr

จำหน่าย ท่อน้ำไทยพีพีอาร์ (PPR) ท่อพีพีอาร์ มาตรฐานเยอรมัน DVGW มั่นใจคุณภาพ สำหรับนำไปใช้ทั้งงานระบบสุขาภิบาลภายใน และภายนอกอาคาร มีท่อประปาให้เลือกครอบคลุมทั้งแบบท่อน้ำร้อน และท่อน้ำเย็น รวมทั้งอุปกรณ์ข้อต่อ และเครื่องมือตัดแต่ง สำหรับงานเดินท่ออาคาร

140 ฿40,800 ฿
1,295 ฿6,073 ฿

ท่อ PPR

ข้องอ 45

13 ฿622 ฿

ท่อ PPR

ข้องอ 90

15 ฿622 ฿
112 ฿313 ฿
88 ฿228 ฿
11 ฿577 ฿
94 ฿1,390 ฿
84 ฿1,134 ฿

รวมความรู้เรื่อง ท่อ PPR สำหรับมือใหม่ แถมพิกัดจำหน่าย ราคาสุดคุ้ม

ท่อ PPR ท่อทางเลือกใหม่ที่มาทดแทนระบบท่อทองแดงและโลหะที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันจากความแข็งแรง ทนทาน แถมยังมีหลายขนาดใช้งานได้สารพัดประโยชน์ มาดูกันว่าท่อ PPR คืออะไร ต่างกับท่อ PVC หรือไม่ มีให้เลือกกี่แบบ และจะหาซื้อในราคาที่คุ้มที่สุดได้ที่ไหนบ้าง ตามไปดูพร้อมกันเลย

โดยการที่จะสร้างอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อาคารสำนักงาน นอกจากความสวยงามของการตกแต่งและความมั่นคงของงานโครงสร้าง เช่น เสาเข็ม ผนัง หลังคา ฯลฯ แล้ว เรื่องของงานระบบอย่าง “ระบบท่อประปา” ก็เป็นอีกส่วนที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะวัสดุที่ใช้ในงานระบบประปานับเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพของอสังหาฯ นั้นๆ ได้ และเป็นส่วนสำคัญที่มักทำให้ผู้อยู่อาศัยลำบากใจในการเรียกช่างมาซ่อมอยู่บ่อยๆ เช่น การเกิดปัญหาท่อประปาแตก ท่อประปารั่ว เป็นต้น

ท่อ ppr ท่อเขียว

ท่อ PPR คืออะไร ใช้งานยังไง ?

ท่อ PPR ย่อมาจาก Polypropylene Random Copolymer คือ ท่อพลาสติกสีเขียวที่ผลิตจากโพลีโพรไพลีนซึ่งมีคุณสมบัติของความทนทานที่มากกว่าท่อ PVC ที่หลายคนคุ้นเคย โดยท่อ PPR นี้จะสามารถทนความต่างของอุณหภูมิน้ำได้ดีไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ระดับแรงดันของน้ำและ ทนต่อสารเคมีต่างๆ ทั้งยังไร้กลิ่นและรสชาติ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในอาคารที่พักอาศัยและโรงงานอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ด้วยการผลิตท่อ PPR เพื่อพัฒนาท่อพลาสติกน้ำหนักเบาให้สามารถใช้งานได้ครอบคลุมทุกโจทย์จึงมีการเพิ่มคุณสมบัติความทนทานด้วยความหนาแน่นของเนื้อท่อที่แสงลอดผ่านไม่ได้จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น และยังสามารถเชื่อมข้อต่อด้วยความร้อนได้จึงหมดปัญหาด้านการรั่วซึมของน้ำไป  

ท่อ PPR เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบใดบ้าง

ท่อ PPR สามารถได้กับระบบงานน้ำ และระบบงานประปาได้อย่างหลากหลาย รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน นอกจากนั้นก็มีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นกว่าท่อเหล็ก และท่อ PVC จึงทำให้สามารถใช้กับระบบท่อได้หลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น

  • ระบบท่อน้ำดี สำหรับการอุปโภค และบริโภค
  • ระบบท่อน้ำร้อน
  • ระบบท่อภายในโรงงานอุตสาหกรรม
  • ระบบท่อสำหรับน้ำกลั่น น้ำกรอง และน้ำแร่
  • ระบบท่อให้ความร้อนสำหรับพื้น
  • ระบบท่อน้ำฝน
  • ระบบท่อลมแรงดันสูง
  • ระบบท่อน้ำสำหรับสระว่ายน้ำ
  • ระบบท่อน้ำเพื่อการเกษตร
  • ระบบท่อน้ำเย็นในอาคาร
  • ระบบท่อน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศ
  • ระบบท่อประปาในครัวเรือน ที่พักอาศัย และสถานประกอบการ
ท่อ ppr ท่อน้ำฝน

ประเภทของท่อ PPR ในปัจจุบัน

ท่อ PPR มีการระบุสเปคท่อหลักๆด้วยตัวย่อ 2 ตัว คือ 

  • SDR คือ อัตราส่วนระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกท่อต่อความหนาท่อ โดยมีค่ามาตรฐานอยู่ที่ SDR 11 และ SDR 6
  • PN คือ ชั้นความดัน เป็นตัวบ่งบอกถึงความทนทานในการทนความดันของตัวท่อ ซึ่งค่ามาตรฐานจะระบุไว้ 2 แบบ คือ PN 10 = 10 บาร์ และ PN 20 = 20 บาร์

ท่อ PPR มีการแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่

  1. ท่อ PPR PN 10 เป็นท่อชนิดใช้กับน้ำอุ่น ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-60 องศา และรับความดันได้ 10 บาร์
  2. ท่อ PPR PN 20 เป็นท่อชนิดใช้กับน้ำร้อน ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-95 องศา และรับความดันได้ 20 บาร์
  3. ท่อ PPR แบบ Fiber Composite เป็นท่อความแข็งแรงพิเศษด้วยไฟเบอร์ เหมาะสำหรับใช้ในการเดินท่อที่มีระยะการเดินท่อทางตรงยาวๆ

สำหรับขนาดท่อของท่อ PPR นั้นจะมีการใช้หน่วยเรียกที่แตกต่างกันอย่างที่เคยบอกในข้างต้นว่า ท่อ PVC เป็นท่อที่ได้รับการพัฒนามาก่อนจึงได้รับอิทธิพลการเรียกขานหน่วยมาจากหลายแห่งด้วยกันรวมถึงจีน ที่เรียกหน่วยว่า “หุน” และบางครั้งยังเรียกหน่วยเป็น “นิ้ว” แต่สำหรับท่อ PPR แล้วจะใช้หน่วยตามฝั่งยุโรปซึ่งเป็น “มิลลิเมตร” เป็นหลัก โดยขนาดของท่อจะไม่ต่างจากท่อ PVC สามารถเทียบขนาดได้ดังนี้

ขนาดท่อ PPR (มิลลิเมตร)

ขนาดท่อ PPR เรียกตาม นิ้ว

ขนาดท่อ PPR เรียกตามท่อ PVC

20

½”

4 หุน

25

¾”

6 หุน

32

1”

8 หุน

40

1 ¼”

นิ้ว 2 หุน

50

1 ½”

นิ้วครึ่ง

63

2”

2 นิ้ว

75

2 ½”

2 นิ้วครึ่ง

90

3”

3 นิ้ว

110

4”

4 นิ้ว

125

5”

5 นิ้ว

160

6”

6 นิ้ว 

200

8”

8 นิ้ว

250

10”

10 นิ้ว

315

12”

12 นิ้ว

ท่อ PPR ยังมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกท่อให้เลือกตั้งแต่ขนาด 1/2 นิ้ว (20 มม.) ไปจนถึงขนาด 6 นิ้ว (160 มม.) นอกจากนั้นเอง ในบางแบรนด์ก็จะมีไปจนถึงขนาด 12 นิ้ว (315 มม.) ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงจะมีการระบุระยะเวลาที่ควรใช้ในการหลอมท่อมาให้บนตัวท่อแล้ว เพื่อความสะดวกในการทำงาน และคลายปัญหาในการให้ความร้อนเกินเวลาที่ควรกับตัวท่อ

ลักษณะของท่อ ppr จะมีสีเขียวและทึบแสง ตัวท่อจึงไม่เป็นสนิมเหมือนกับท่อเหล็ก และไม่เป็นตะไคร่แม้จะโดนน้ำ ทนต่อการกัดกร่อนสูง ไม่ว่าจะเป็นกรดหรือด่าง เพราะฉะนั้นจึงปลอดภัยและนิยมนำมาใช้ในอุตสหกรรมใหญ่ๆ ที่ต้องการความปลอดภัย รวมถึงโรงพยาบาล อาคาร โรงแรม เป็นต้น

ท่อ PPR กับ PVC ต่างกันอย่างไร เลือกใช้อะไรดี

หากกล่าวถึงความแตกต่างระหว่างท่อ PPR กับ PVC แล้ว เรียกว่ามีอยู่ไม่น้อยทีเดียว ทั้งเรื่องของราคาและความเหมาะสมต่อการใช้งาน มาดูรายละเอียดให้เห็นกันอย่างชัดเจนไปเลย ดังนี้

  1. การใช้งาน ในด้านการใช้งานระบบน้ำต้องบอกว่าท่อ PPR จะสามารถตอบโจทย์ได้กว้างขวางครอบคลุมมากกว่าท่อ PVC เพราะด้วยความทนทานและการออกแบบพัฒนาที่แก้ปัญหาหลายอย่างของท่อน้ำแบบเดิมที่มีอยู่
  2. ความหนาของท่อ สำหรับความหนาของท่อทั้งสองประเภทจะมีความหนาที่ใกล้เคียงกันแต่หลายคนอาจจะได้ยินหน่วยที่ต่างกันออกไปโดยท่อ PVC จะใช้เป็นหุนหรือนิ้ว ขณะที่ท่อ PPR ซึ่งได้รับการผลิตมาจากทางฝั่งยุโรปจึงใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร 
  3. วิธีการติดตั้ง สำหรับวิธีการติดตั้งนั้น ท่อ PVC จะสามารถติดตั้งได้ง่ายกว่าเพราะท่อ PPR จะต้องมีเครื่องมือเฉพาะในการติดตั้งทำให้อาจไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งในบางพื้นที่
  4. คุณภาพวัสดุ ท่อ PVC จะมีความเปราะบางแตกได้ง่ายกว่าและยังสามารถทนต่อความร้อนเย็นได้น้อยกว่าท่อ PPR ที่มีความหนาแน่นและยืดหยุ่นสูง
  5. การทดสอบระบบน้ำภายหลังการติดตั้ง เมื่อติดตั้งท่อ PVC แล้วสามารถทดสอบระบบน้ำได้หลังจากกาวประสานท่อแห้งแล้วซึ่งจะใช้เวลาราว 1 วัน แต่หากเป็นท่อ PPR สามารถทดสอบได้ทันทีเมื่อท่อเย็นลงซึ่งจะรอเพียงไม่กี่นาที่เท่านั้น
  6. การซ่อมแซม เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับท่อ PVC โดยส่วนมากจะต้องรื้อเปลี่ยนใหม่ ซึ่งนับเป็นงานใหญ่ทีเดียวแต่หากเป็นท่อ PPR จะสามารถซ่อมเฉพาะจุดได้จึงง่ายและรวดเร็วกว่า
  7. ราคาวัสดุ ด้วยคุณสมบัติหลายอย่างที่ต่างกันทำให้ท่อน้ำสองประเภทมีราคาที่ต่างกันออกไปด้วย โดยท่อ PVC จะมีราคาต่ำกว่าท่อ PPR ทั้งนี้ควรเลือกใช้ตามประเภทการใช้งาน

แล้วท่อระบบน้ำแต่ละประเภทจะเหมาะสมกับการใช้งานอย่างไร มีข้อดีกันอย่างไรบ้างที่ควรทราบก่อนการเลือกใช้ท่อในระบบน้ำกันแน่ มาดูสรุปให้ชัดกันเลย

งานที่เหมาะสำหรับท่อ PVC 

  • ราคาต่ำและหาซื้อได้ง่าย
  • ระบบน้ำที่ไม่มีความต่างของอุณหภูมิมากนักเพราะท่อ PVC จะทนอุณหภูมิสูงสุดได้เพียง 65 องศาเซลเซียส
  • ระบบน้ำที่ไม่จำเป็นต้องทนทานแข็งแรงหรือเผชิญกับแรงดันน้ำสูง
  • ระบบน้ำที่เร่งด่วนเพราะหาช่างทำหรือเรียนรู้การประสานติดต่อได้ง่าย
  • การติดตั้งในบริเวณที่มีพื้นที่เพราะท่อ PVC ไม่สามารถติดตั้งทับซ้อนกันได้

งานที่เหมาะสำหรับท่อ PPR

  • ระบบน้ำที่ต้องใช้แรงดันน้ำสูงเกินกว่าท่อ PVC จะรับได้ โดยท่อ PPR จะมีแรงดันให้เลือกได้ถึง 2 ระดับ แต่ท่อ PVC จะรับแรงดันได้เพียง 13.5 บาร์เท่านั้น
  • ระบบน้ำที่ต้องใช้ท่อที่ทนอุณหภูมิระหว่าง 50-90 องศาเซลเซียส
  • ระบบน้ำที่ไม่ต้องใช้ท่อที่แข็งแรงมากเหมือนท่อเหล็กและไม่ต้องกังวลเรื่องการเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานอย่างยาวนาน
  • ระบบน้ำที่ต้องการแก้ปัญหาท่อหลุด น้ำซึม น้ำรั่ว สามารถแก้ไขเฉพาะจุดได้อย่างรวดเร็วและยังป้องกันได้ง่ายกว่าด้วย
  • การเดินระบบน้ำสำหรับอาคารเขียว เพราะท่อ PPR เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การใช้งานท่อ PPR ที่ควรรู้ก่อนการออกแบบ

1.ต้องใช้เครื่องเชื่อมท่อในการทำงาน

ตัวท่อ PPR นั้นจะแตกต่างจากท่อชนิดอื่น ตรงที่จำเป็นต้องเครื่องเชื่อมในการหลอมเนื้อพลาสติดของตัวท่อ กับข้อต่อเข้าให้ผสานกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ถึงแม้ดูยุ่งยากไปบ้าง แต่ก็ช่วยลดปัญหาในการรั่วซึมของตัวท่อลงไปได้มากจากการที่เนื้อท่อรวมเป็นเนื้อเดียวกันด้วยความร้อน นอกจากนั้นยังควรจะเลือกใช้ท่อและข้อต่อจากโรงงานเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการเชื่อมประสานของพลาสติกที่ใช้ทำท่อและข้อต่อ

2.ระยะเวลาในการหลอมท่อ

การเชื่อมท่อให้ผสานเป็นเนื้อเดียวกันกับข้อต่อนั้นจะใช้เวลาไม่เท่ากัน โดยขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของท่อ PPR ซึ่งตัวท่อนั้นจะมีการระบุระยะเวลาที่ควรใช้ในการหลอมมาให้บนเนื้อผิว ซึ่งหากช่างใช้เวลาในการหลอมท่อน้อยเกินไป ตัวท่อก็จะผสานกันได้ไม่ดี และอาจเกิดปัญหารั่วซึมขึ้นได้ แต่หากใช้เวลาหลอมท่อมากเกินไป ท่อก็จะไหม้ หรือเกิดปัญหาท่ออุดตันจากเนื้อพลาสติกที่หลอมเหลวจนกลายเป็นส่วนเกินได้เช่นเดียวกัน จึงจำเป็นจะต้องให้ความร้อนกับท่ออย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่ระบุมานั่นเอง

3.ข้อต่อและอุปกรณ์

ท่อ PPR โดดเด่นตรงที่ไม่ถูกความแข็งวัสดุจำกัดเอาไว้ ทำให้นอกจากจะมีข้อต่อท่อแบบทั่ว ๆ ไปแล้ว ก็ยังมีท่อแบบพิเศษที่เรียกว่า ‘ท่อครอส’ ซึ่งสามารถวางท่อทับกันได้ ลดข้อจำกัดของการออกแบบระบบท่อลงไปได้ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงเกลียวของข้อต่อของท่อ PPR นั้นทำจากทองเหลืองชุบนิกเกิล จึงไม่เกิดสนิมสีเขียว และป้องกันการแตกของทองเหลือง และยังมีชนิดข้อต่อกว่า 30 ชนิดให้เลือกใช้งานกับระบบท่อได้อย่างหลากหลาย

4.ความสามารถในการทนความร้อนและแรงดัน

ด้วยความสามารถในการทนอุณหภูมิได้สูงถึง 95 องศาเซลเซียส และทนแรงดันน้ำได้สูงถึง 20 บาร์ ทำให้ท่อ PPR สามารถทดแทนท่อ PVC และท่อเหล็ก ที่มีปัญหาจุกจิกมากมายไปได้อย่างมาก ไม่ว่าจะทั้งปัญหาท่อรั่วที่เกิดขึ้นจากแรงดันในท่อ PVC หรือปัญหาสนิมที่เกิดขึ้นท่อโลหะเมื่อใช้ไปในระยะเวลาหนึ่ง รวมถึงทั้งตัวท่อ และข้อต่อของท่อ PPR ยังมีความทนทานที่สูง ซ่อมแซมได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องรื้อท่อหรือกระเบื้องออกเพื่อเปลี่ยนใหม่

5.การใช้งานร่วมกับท่อชนิดอื่น ๆ

ท่อ PPR สามารถใช้งานร่วมกับท่อชนิดอื่น ๆ ได้ เนื่องจากมีข้อต่อเกลียวหลากหลายชนิด และมีระบบหน้าจาน ANSI , JIS และ DIN ซึ่งเป็นเกลียวมาตรฐานสากล จึงสามารถใช้ต่อเข้ากับท่อประเภทอื่น ๆ ตามลักษณะการใช้งานได้ (PVC, PE, PB, เหล็ก, ทองแดง, STAINLESS, SYLER) ทำให้ไม่มีปัญหา หากใครต้องการที่จะซื้อท่อ PPR ไปเปลี่ยนกับท่อที่บ้านซึ่งเป็นของเดิม แล้วกังวลว่าจะต้องรื้อระบบท่อประปาใหม่ทั้งหมดเพื่อทำการเปลี่ยนท่อดังกล่าว

การติดตั้งท่อ ppr

วิธีการติดตั้งท่อ PPR 

1.การเชื่อมสอด

ใช้ความร้อน 250-260 องศาเซลเซียสอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ท่อและข้อต่อเกิดการหลอมเหลว และสามารถประสานเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างตัวท่อกับข้อต่อ ทำให้ไม่เกิดปัญหาการรั่วซึมที่ตามรอยต่อ ซึ่งการติดตั้งด้วยวิธีนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้กาว หรือน้ำยาประสานใดๆ และยังทำให้ไม่เกิดประกายไฟ , ควัน รวมไปถึงกลิ่นจากสารเคมีให้รบกวนระหว่างการทำงานของช่าง

2.ต่อเชื่อมด้วยเครื่องเชื่อมชน Butt Fusion 

การเชื่อมความร้อนจากเครื่องเชื่อมชนเฉพาะ ทำให้จุดต่อหลอมระหว่างท่อเป็นเนื้อเดียวกัน 100% ไม่มีอาการรั่วซึม และมีอายุการใช้งานยาวนาน ปราศจากกาว หรือน้ำยาประสานใด ๆ โดยการติดตั้งวิธีนี้ จะเหมาะสำหรับท่อและอุปกรณ์เชื่อมชน

3.ต่อเชื่อมด้วยเครื่องเชื่อม Electro Fusion (E.F.)

ใช้การเชื่อมสอดความร้อนจากเครื่องเชื่อมข้อต่อ E.F. (E.F. MACHINE) ที่เป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าขดลวดที่ฝั่งอยู่ในผนังของตัวข้อต่อ สร้างความร้อนทำให้เนื้อท่อ และข้อต่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นปล่อยให้เย็นตัวลง ท่อจะแข็งตัวและเชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกันกับข้อต่อ

4.การติดตั้งข้อต่ออานม้า

เป็นการเพิ่มเส้นทางของท่อน้ำขึ้นมาใหม่ ที่ทำได้ง่ายเพียงเจาะรูที่ท่อเมน และใช้ข้อต่ออานม้าในการเชื่อมต่อท่อสาขาออกมา ซึ่งวิธีนี้ ทำให้ลดปัญหาความยุ่งยากในการรื้อเปลี่ยนท่อใหม่ลงไปได้เป็นอย่างมาก

5.วิธีการซ่อมแซมรูรั่วบนท่อ

กรณีที่ท่อ PPR มีรูรั่ว ไม่ว่าจะเกิดจากโดนตะปูหรือสว่านเจาะไปโดนก็ตาม ก็สามารถซ่อมแซมได้โดยง่าย โดยการเจาะให้ได้ขนาด แล้วใช้หัวเชื่อมแท่งซ่อม หลอมตัวท่อจุดที่ถูกเจาะ และในขณะเดียวกันก็หลอมแท่งซ่อมท่อ PPR เข้าไป ซึ่งเมื่อครบกำหนดระยะเวลา จึงนำมาอุดแล้วตัดให้พอดีเสมอไปกับท่อก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

เลือกซื้อท่อ PPR ที่ไหนดีถึงจะคุ้ม

ในเวลาที่การเลือกซื้อสรรหาสิ่งที่ต้องการอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้วมือเช่นนี้ แน่นอนว่าท่อ PPR เองก็สามารถเลือกซื้อได้จากเว็บไซต์อย่างที่ UDWASSADU เว็บไซต์ที่รวบรวมอุปกรณ์ช่างในงานระบบเอาไว้ครบครัน โดยสามารถปรึกษาและสอบถามข้อมูลที่ต้องการทราบได้เสมอ รวมถึงการสั่งแบบออนไลน์เพื่อให้จัดส่งตรงถึงบ้านคุณได้ในราคาที่คุ้มที่สุด เรียกว่าทั้งสะดวกและง่ายดายอย่างยิ่งทีเดียว

ซื้อท่อ PPR ดีไหม

ท่อ PPR นั้นเป็นท่อที่มีราคาสูงกว่าท่อ PVC ทั้งยังใช้วิธีการติดตั้งด้วยอุปกรณ์เฉพาะทางจึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน มีการใช้งานที่กว้างขวางทั้งเรื่องแรงดันน้ำ อุณหภูมิของน้ำ หรืองานอุตสาหกรรมต่างๆ และยังมีคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อโดนแสงแดดจะไม่มีการเสื่อมสภาพลงจึงมั่นใจได้ว่าน้ำที่ไหลผ่านท่อ PPR จะไม่มีกลิ่นหรือรสชาติอื่นเจือปนเข้าไปอย่างแน่นอน ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วซึมอีกด้วย ซึ่งหากใครต้องการงานระบบน้ำแบบระยะยาวที่ปลอดภัยทั้งคนและโลก ท่อ PPR จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว

สรุป

ท่อ PPR ถือเป็นนวัตกรรมงานท่อในยุคใหม่ก็ว่าได้ ด้วยคุณสมบัติที่ทนทาน รวมไปถึงการทนความร้อนและความดันของตัวท่อ ทำให้มันสามารถทดแทนงานระบบท่อที่จำเป็นจะต้องใช้ท่อ PVC หรือท่อเหล็กทั้งหลาย รวมถึงยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คลายปัญหาท่อเป็นสนิม หรือท่อรั่วที่น่ากังวลไปได้อย่างมากโข จึงนับได้ว่าท่อ PPR หรือท่อเขียวนั้น คืออีกหนึ่งตัวเลือกสำคัญสำหรับวงการก่อสร้างและงานช่างต่างๆ ในอนาคตเลยทีเดียว

ซึ่งหากใครกำลังมองหาท่อ PPR อยู่แล้วล่ะก็ สามารถเข้าไปเลือกดูผลิตภัณฑ์และราคาท่อ PPR ของเราได้ที่เว็บไซต์ UDWASSADU ได้เลย