หัวจ่ายแอร์ Grille นอกจากจะมีหลากรูปแบบตามความเหมาะสมของการกระจายลมในพื้นที่ต่าง ๆ ให้ทั่วถึงทุกจุดแล้ว การติดตั้งให้ถูกหลักการใช้งานเองก็เป็นเรื่องที่ต้องนำมาคำนึงใส่ใจให้ถี่ถ้วน เพราะการติดตั้ง หัวจ่ายแอร์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ก็มีสิ่งที่ต้องระวังที่แตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาทดแทนกันได้ บทความนี้ จึงจะพาไปดูข้อควรระวังต่าง ๆ ในการติดตั้งหัวจ่ายแอร์ Grille ให้ถูกต้องตามหลักโรงงานกันว่ามีอะไรบ้าง
หัวจ่ายลมจากเพดานแบบสี่เหลี่ยม เวลาติดตั้งใกล้กระจกควรดูอะไร
จากแบบการวางผังโรงงานของงานวิศวกรรมระบบปรับอากาศ ในส่วนการกระจายลมส่วนใหญ่จะนิยมใช้แบบหัวจ่าลมส่งที่มีลักษณะเป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบบทรงกลม ซึ่งจะติดตั้งที่ฝ้าเพดาน
โดยรูปแบบของการกระจายลมแบบสี่เหลี่ยมจะมี 4 รูปแบบด้วยกัน ตามทิศทางการกระจายลม ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้แบบกระจายลม 4 ทิศทางเป็นหลัก แต่ถ้าจะติดตั้งบริเวณใกล้กับผนังกระจกแล้ว จะต้องเลือกรูปแบบการกระจายลมที่มีทิศทางกระจายลมไม่พุ่งตรงไปที่ผนังกระจก มิฉะนั้น ขณะใช้งานอาจเกิดการการควบแน่นของหยดน้ำที่ด้านนอกผนังกระจกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวันที่อากาศภายนอกมีความชื้นสูง
ดังนั้น จึงควรพิจารณาเปลี่ยนรูปแบบของทิศทางการกระจายลมเป็นแบบการกระจายลมแบบ 3 ทาง แบบการกระจายลมแบบ 2 ทาง แบบการกระจายลมแบบ 1 ทาง ซึ่งทั้งนี้ก็แล้วแต่ว่าจะโครงสร้างเช่นไร เพื่อไม่ให้ลมเย็นปะทะกับผนังกระจกโดยตรง
แต่หากเปลี่ยนรูปแบบของการกระจายลมไม่ได้เนื่องจากเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ก็อาจจะให้ผู้รับเหมาตัดแผ่นสังกะสีไปปิดส่วนของด้านที่ไม่ต้องการให้มีลมเย็นออกมา แต่การกระทำแบบนี้ อาจทำให้เกิดเสียงดังขึ้นเนื่องจากพื้นที่ที่ลมผ่านของหัวกระจายลมจะลดลง ซึ่งต้องแก้ไขโดยลดความเร็วของลมลงตามความต้องการนั่นเอง
สิ่งควรรู้สำคัญในการติดตั้งหัวจ่ายแอร์ Grille ให้ถูกต้อง
- พยายามหลีกเลี่ยงการติด Diffusers หรือ Grilles ที่ใต้ท้องหรือด้านข้างท่อลมหลักโดยตรง เพราะจะมีเสียงลมผ่านจากท่อดังออกมาข้างนอก และไม่มีทางทำให้เสียงลดลงได้
- อย่าติดตั้ง Light Troffer (หัวจ่ายลมแบบ Slot และดวงโคมแบบ Fluorescent อยู่ในตัวเดียวกัน) ที่ท่อลมหรือโซนเดียวกับ Diffusers หรือ Registers เนื่องจากที่ Troffer มีความเสียดทานมากกว่า ซึ่งจะทำให้ปริมาณลมไปจ่ายที่ Diffusers หรือ Registers มีปริมาณมากกว่าที่กำหนดจนทำให้เกิดเสียงดัง
- พยายามหลีกเลี่ยงการติด Diffusers และ Registers ที่ท่อลมเดียวกัน เป็นเพราะว่า Diffusers นั้นมีความเสียดทานมากกว่า จะทำให้ปริมาณลมไปจ่ายที่ Registers มากกว่าที่กำหนดจนทำให้เกิดเสียงดังได้
- อย่าใช้ Diffusers หรือ Registers จ่ายลมไปยังทางที่หลอดไฟชนิดติดตั้งที่ฝ้าหรือจ่ายลมเลียดไปใกล้กับฝ้า เพราะนั่นจะทำให้ฝ้ามีฝุ่นเกาะและอุณหภูมิภายในห้องไม่เท่ากันทุกจุด
- หากเป็นไปได้ให้ติด Extractor แบบปรับแต่งมุมดักลมได้ที่ท่อแยกลมเข้ากันกับ Register ทุกแห่งเพื่อให้ลมเข้าได้เต็มท่อ
- Register ลมกลับควรติดอยู่บริเวณที่ไกลจากหัวจ่ายลม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบริเวณมุมห้องที่ลมจ่ายไปไม่ถึง
- อย่าใช้หัวจ่ายแบบ Low Induction และระยะ Throw ที่สั้นกับห้องที่ต้องการลมหมุนเวียนมาก เพราะจะทำให้อากาศภายในห้องหมุนเวียนได้ไม่ดี
- ควรเลือกหัวจ่ายแบบที่มีกลไกปรับแต่งการปิดและเปิดของแดมเปอร์ที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่ง Diffusers ที่สามารถถอดไส้กรองออกได้โดยไม่ต้องถอดกรอบนั้นเป็นที่นิยมกันมาก ซึ่งง่ายต่อการปรับแต่งแดมเปอร์ที่ซ่อนอยู่ภายใน ในขณะที่ความยุ่งยากมักจะเกิดขึ้นกับ Register ซึ่งมีแดมเปอร์ซ่อนอยู่ภายใน และกลไกหรืออุปกรณ์ปรับแต่งแดมเปอร์ติดอยู่ไม่ตรงกับช่องเปิดที่หน้า Grille ทำให้สอดอุปกรณ์เข้าไปปรับไม่ได้
- หากเป็นไปได้ ให้ท่อแยกที่ต่อเข้า Diffusers ที่ใต้เมนของท่อลมควรมีความยาวไม่น้อยกว่า 2 เท่าของขนาดหัวจ่าย เพื่อให้ลมแผ่กระจายเต็มท่อก่อนถึงหัวจ่ายลม หรือใส่ Plenum ที่หัวจ่ายแบบ Diffuser ก็ได้เช่นกัน
- หัวลมกลับรวมทั้งท่อลมที่ต่อเข้ากล่องลมกลับซึ่งใช้ร่วมกัน ควรเลือกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หากไม่ใช้พัดลมดูดกลับไป
- ถ้าไม่จำเป็น ให้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ลมกลับจากห้องหนึ่งผ่านเข้าอีกห้องหนึ่ง ไปยังหัวลมกลับ โดยห้องที่ติดหัวลมกลับเอาไว้ ความเร็วลมจะสูงเป็นบางครั้ง อันเป็นเหตุทำให้รู้สึกหนาว
- การใช้หัวลมกลับติดที่ Door Louvers กับห้องที่จ่ายลมโดยใช้ความดันต่ำเป็น Laminar Flow เช่น ใช้ฝ้าเจาะรูจ่ายลม จะใช้ไม่ได้ผลที่ดีนัก
- หัวจ่ายที่มีทั้งการจ่ายลมและรับลมกลับในหัวเดียวกันนั้นไม่ควรใช้ เพราะจะเกิด Short Circuit ลมที่จ่ายหมุนวนเข้าช่องลมกลับ ทำให้ลมหมุนเวียนภายในห้องดังกล่าวลดน้อยลง
- ปริมาณลมที่จ่ายออกจาก Diffusers แต่ละหัวควรเป็นดังนี้
ความสูงของห้อง | 8 ฟุต | 9 ฟุต | 10 ฟุต | 12 ฟุต |
ปริมาณลมที่จ่ายแต่ละทิศทาง | 150 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที | 250 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที | 400 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที | 600 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที |
- สำหรับความสูงของห้องที่สูงกว่า 12 ฟุต ให้เพิ่มลม 200 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที ต่อความสูง 1 ฟุต เช่น หัวจ่ายแบบ 4 ทิศทาง, ห้องสูง 9 ฟุต แต่ละหัวจ่ายจะจ่ายลมได้ไม่เกิน
250 x 4 = 1 ,000 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที เป็นต้น - ความเร็วลมที่ผ่านเข้าหัวลมกลับควรอยู่ในช่วง 300 – 500 ฟุตต่อนาที พื้นที่ที่มีประสิทธิภาพของหัวลมกลับทั่วไปประมาณ 75 เปอร์เซนต์ของขนาด Grille
- ความเร็วลมของ Diffusers และ Registers ไม่ควรเกิน 600 – 700 ฟุตต่อนาที ทั้งนี้ต้องเช็ค Throw และความดังของเสียง (NC) ควบคู่กันด้วย
- Linear Diffuser ที่มีขนาดช่อง Slot 1/2 นิ้ว ปริมาณลมที่จ่ายออกไม่ควรเกินกว่า 30 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที ต่อ Slot ต่อฟุต เช่น ใช้ 4 Slot ยาว 10 ฟุต จะจ่ายลมได้เท่ากับ
30 x 4 x 10 = 1,200 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที - ท่อแยกที่ต่อเข้ากล่องลมที่ Linear Diffusers ควรห่างกันประมาณ 4 ฟุต และมีแดมเปอร์ไว้ปรับปริมาณลมทุกท่อ
- Door Louvers ควรเป็นแบบใบหยักเพื่อป้องกันการมองลอดเข้าไปในห้อง และความเร็วลมที่ผ่านไม่เกิน 300 ฟุตต่อนาทีจะเป็นการดีที่สุด
- Louvers ที่ติดผนังนอกอาคารต้องมีมุมใบเอียง 40 ถึง 50 องศา กับแนวระดับ และมีชายยื่นลงมากันฝนได้กับต้องมีตะแกรงไม่เป็นสนิม และมีขนาดช่องกว้าง 1/2 นิ้วติดไว้ เพื่อป้องกันกระดาษ และใบไม้ไม่ให้ปลิวเข้ามาในท่อลม Filter และ Volume Damper ก็ควรจะมีท่อลมบริสุทธิ์ติดตั้งเอาไว้
- Louvers ของลมบริสุทธิ์และระบายอากาศควรอยู่ห่างกัน เพื่อป้องกันลมที่ระบายออกมาเหล่านั้น ไหลวนไปเข้า Louvers ของลมบริสุทธิ์
- ในกรณีที่พัดลมระบายอากาศติดตั้งอยู่ใกล้ช่องระบายอากาศสู่ภายนอกอาคาร อาจใช้ Gravity Damper ติดแทน Louver ได้ และต้องเป็นแบบป้องกันฝนสาดได้ด้วย ด้านในอาคารต้องติดตะแกรงป้องกันแมลงไว้ด้วย พร้อมทั้งมี Access Door ที่ท่อลมไว้ตรวจสอบตะแกรง
- Door Louver หรือ Undercut ใต้ประตูจะต้องเลือกขนาดให้เหมาะสม ความเร็วลมไม่ควรเกิน 300 ฟุตต่อนาที หากเลือกขนาดเล็กเกินไป ความดันในห้องจะมากกว่าภายนอกทำให้ปิดและเปิดประตูลำบาก
- ประตูเข้าห้องเครื่องส่งลมเย็นต้องเป็นแบบเปิดออก เพราะว่าเวลาเดินเครื่อง ความดันภายในจะน้อยกว่าภายนอก เป็นผลทำให้ประตูไม่สามารถเปิดออกได้หากเป็นแบบเปิดเข้า
- Grille และ Register แบบติดผนังถ้าตั้งใบตรง (0 องศา) ระยะ Throw จะไกล และ Drop น้อย หากตั้งใบเอน (22 องศา) ทำให้เป่าลมกระจายได้ระยะ Throw สั้นแต่ Drop จะมาก
- การที่ติด Register ในระดับสูงใกล้ฝ้า จะเกิดปัญหาฝุ่นเกาะฝ้าในแนวจ่ายลม ดังนั้นหัวจ่ายควรติดในระดับต่ำจากแนวฝ้าประมาณ 20 เซนติเมตร สำหรับฝ้าต่ำ และปรับแนวลมให้กดลงจากแนวระดับนิดหน่อย
- หัวลมระบายอากาศในบาร์ ไนท์คลับ ครัว ห้องน้ำ และห้องกินข้าว ควรติดใกล้ฝ้าเพื่อดูดอากาศร้อน กลิ่น และควันซึ่งลอยขึ้นสูง
- แนวทางในการเลือกใช้หัวจ่ายลม
ชนิดหัวจ่ายลม | CFM / ตารางฟุตพื้นที่ห้อง | Max Air Change / HR (Based on 10 FT, Ceiling) |
Grille | 3 ถึง 6 | 7 |
Linear Slot Diffuser | 4 ถึง 10 | 12 |
ผนังเจาะรู | 5 ถึง 15 | 18 |
Diffuser | 5 ถึง 25 | 30 |
ฝ้าเจาะรู | 5 ถึง 50 | 60 |
สรุป
ด้วยวิธีการติดตั้งที่แตกต่างกันในหัวจ่ายแอร์ Grille แต่ละประเภท ข้อควรระวังในการติดตั้งให้ถูกวิธีนั้นจึงมีหลากหลายแตกต่างกันไปตามรูปแบบของหัวจ่ายแอร์ Grille โดยหากใครที่กำลังมองหา หัวจ่ายลมแอร์รูปแบบใดอยู่ล่ะก็ เว็บไซต์ UDWASSADU คือแหล่งรวมสินค้าวัสดุงานช่างเกี่ยวกับระบบปรับอากาศที่มีพร้อมไปด้วยของต่าง ๆ มากมายที่ได้คุณภาพเป็นสากล พร้อมบริการจัดส่งที่รวดเร็ว ตรงตามกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันเอาไว้อีกด้วย
REF