ท่อลมแอร์ ท่อดักท์ (Duct) ระบบระบายอากาศในอาคาร ต่อแบบไหนถึงดี

ท่อลมแอร์

ท่อลมแอร์ หรือท่อดักท์ มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในระบบปรับอากาศ และระบบระบายอากาศภายในอาคาร เพราะท่อลมแอร์จะเป็นตัวนำพาอากาศไปจ่ายในส่วนต่างๆ ของอาคารตามที่เราได้ออกแบบเอาไว้ เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของคนในอาคารดียิ่งขึ้น ท่อลมระบายอากาศ ท่อลมแอร์นั้นมีกี่ประเภท และระบบระบายอากาศในอาคารเองมีความจำเป็นอย่างไร ต่อแบบไหนถึงจะเรียกว่าดี วันนี้เราจะไปหาคำตอบกัน

ประเภทของท่อลมแอร์

ท่อลมแอร์ ท่อดัก

ในงานก่อสร้างและติดตั้งงานระบบระบายอากาศภายในอาคาร จะมีการจำแนกประเภทของท่อลมระบายอากาศ ท่อลมแอร์ออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ตามรูปแบบการใช้งานที่กำหนดเอาไว้ ดังนี้

1.Supply Air Duct (ท่อจ่ายลมเย็น)

ท่อจ่ายลมเย็น หรือ Supply Air Duct เป็นท่อที่นำพาอากาศเย็นจากคอยล์เย็นไปจ่ายตามส่วนต่าง ๆ ของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนในบ้านอยู่อาศัย โถงต้อนรับภายในโรงแรม หรือห้องประชุมในสำนักงานต่าง ๆ เพื่อลดอุณหภูมิบริเวณนั้น ๆ ให้เย็นลง ส่วนใหญ่ทำจากแผ่นเหล็กอาบสังกะสีพับขึ้นรูป และหุ้มด้วยฉนวนใยแก้วอีกชั้นหนึ่ง

2.Return Air Duct (ท่อดึงลมกลับ)

ท่อดึงลมกลับ หรือ Return Air Duct มีลักษณะภายนอกเหมือนกับท่อจ่ายลมเย็นทุกประการ แตกต่างเพียงหน้าที่ ซึ่งจะดูดอากาศที่จ่ายออกไปด้วยท่อจ่ายลมเย็นซึ่งแลกเปลี่ยนความร้อนกับอากาศ และมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นให้กลับมาที่คอยล์เย็น เพื่อมาแลกเปลี่ยนความร้อนที่ผิวท่อของคอยล์เย็น และอุณหภูมิให้ลดลงเพื่อส่งไปจ่ายในห้องด้วยท่อจ่ายลมเย็นอีกครั้ง

3.Exhaust Air Duct (ท่อระบายอากาศ)

ท่อระบายอากาศ หรือ Exhaust Air Duct ทำหน้าที่ระบายอากาศภายในอาคารออกมาปล่อยทิ้งยังนอกอาคาร ซึ่งอาจดูดอากาศมาจากห้องน้ำ หรือห้องอื่น ๆ ที่ต้องการระบายอากาศภายในนั้น โดยท่อระบายอากาศมักไม่หุ้มฉนวนรอบ ๆ ท่อ

4.Fresh Air Duct (ท่อลมเติมอากาศ)

ท่อลมเติมอากาศ หรือ Fresh Air Duct ทำหน้าที่เติมอากาศให้กับห้องนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีเครื่องปรับอากาศหรือไม่ก็ตาม โดยเมื่อมีการระบายอากาศออกไปนอกอาคาร ก็จำเป็นจะต้องมีการเติมอากาศกลับเข้าไปเพื่อให้เป็นการระบายอากาศที่ถูกต้อง ซึ่งไม่ควรติดตั้งช่องดูดอากาศอยู่ใกล้กับช่องระบายอากาศ เพราะอาจดูดอากาศเสียที่พึ่งปล่อยออกนอกอาคารกลับเข้ามาอีก ท่อเติมอากาศมักจะไม่มีการหุ้มฉนวน และเมื่อติดตั้งนอกอาคารก็มักจะทาสีให้เข้ากันกับตัวอาคารอีกด้วย

ความจำเป็นของระบบระบายอากาศภายในอาคาร 

วัตถุประสงค์ของระบบระบายอากาศภายในอาคาร

ท่อลมแอร์

  1. เพื่อควบคุมระดับของสิ่งปนเปื้อนในอากาศ เช่น เชื้อโรค, ฝุ่นละออง, ไอสารเคมี, ก๊าซ, ควัน ฯลฯ ในพื้นที่การปฏิบัติงานของอาคาร หรือโรงงานให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ซึ่งสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้หากได้รับเข้าสู่ร่างกาย จะเกิดการสะสมในอวัยวะต่าง ๆ และจะนำมาซึ่งความเจ็บป่วยของบุคลากร
  2. เพื่อควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นให้อยู่ในระดับที่รู้สึกสบายได้ เพราะถ้าความร้อนและความชื้นไม่เหมาะสม ในกรณีของบุคลากร จะทำให้เกิดการเจ็บป่วย หงุดหงิด อึดอัด ไม่สามารถทำงานได้ รวมถึงการเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุและการลาออกของพนักงาน ในกรณีของชิ้นงาน อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชิ้นงาน และวัตถุดิบบางประเภทได้

ประโยชน์ของระบบระบายอากาศภายในอากาคาร

ท่อลมดัก

  1. ในสภาวะของห้องทำงาน สถานประกอบการ หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีภาวะปิด ระบบระบายอากาศสามารถควบคุมระดับของสิ่งปนเปื้อนในอากาศ ให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานได้
  2. ระบบระบายอากาศสามารถควบคุมความร้อน และความชื้นให้อยู่ในระดับที่ส่งเสริมการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน ให้รู้สึกสบาย ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดี และในทางตรงกันข้าม หากผู้ปฏิบัติหน้าที่รู้สึกไม่สบายอันเกิดจากความร้อนและความชื้น จะทำให้หงุดหงิด เสียสมาธิ อึดอัด และในที่สุดก็จะมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ อันนำไปสู่ผลผลิตที่ตกต่ำ หรืออาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
  3. ระบบระบายอากาศจะป้องกันไม่ให้เกิดอัคคีภัยและการระเบิด เพราะในโรงงานอุตสาหกรรมบางประเภท จะมีการใช้สารเคมีที่เป็นตัวทำละลายในกระบวนการผลิต ซึ่งหากมีไอสารของตัวทำละลายฟุ้งกระจายในปริมาณที่เข้มข้น โดยไม่มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสม หากเมื่อใดเกิดมีความร้อนหรือประกายไฟในบริเวณนั้น ก็จะทำให้เกิดการติดไฟลุกไหม้ได้
  4. ระบบระบายอากาศที่ดีจะช่วยประหยัดทรัพยากร ตัวอย่างเช่น ระบบดักเก็บวัสดุที่ฟุ้งกระจายในสถานประกอบการ หรือโรงงานอุตสาหกรรม ก็จะนำสิ่งนั้นมาใช้ประโยชน์ได้อีก รวมถึงลดปัญหาต้นทุนการกำจัด จัดการความสกปรก ไม่เป็นระเบียบของการฟุ้งกระจายของวัสดุ และนอกจากนี้จะช่วยให้สถานประกอบการนั้นมีสุขอนามัยที่ดีไม่ก่อให้เกิดโรคจากมลภาวะทางอากาศ

ระบระบายอากาศภายในอาคารที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

ระบบเจือจางอากาศ

ระบบเจือจางอากาศ คือระบบที่จะช่วยลดจำนวนสารปนเปื้อนในอากาศ โดยผสมอากาศที่ปนเปื้อนกับอากาศบริสุทธิ์และสะอาด ในการติดตั้งระบบเจือจางนั้นจะมีการติดตั้งพัดลมดูดอากาศขนาดใหญ่ไว้ที่ผนังหรือหลังคาโรงงาน นิยมใช้ระบบแบบนี้ก็ต่อเมื่อ

  • มลพิษทางอากาศอยู่ในระดับต่ำ และระดับความเป็นพิษต่ำถึงปานกลาง
  • ในพื้นที่มีการสะสมของสารปนเปื้อนในอากาศจำพวกไอระเหยหรือก๊าซ
  • การปล่อยมลพิษมีความสม่ำเสมอ และกระจายตัวอย่างกว้างขวาง
  • แนะนำสำหรับสภาพแวดล้อมภูมิอากาศปานกลาง
  • ความร้อนภายในพื้นที่สามารถถูกระบายออกสู่ภายนอกได้
  • แหล่งที่มาของสารปนเปื้อนซึ่งเคลื่อนที่ได้นั้นถูกควบคุม

ข้อดีของระบบเจือจางอากาศ

  • ต้องการการบำรุงรักษาน้อย
  • ลดค่าอุปกรณ์และค่าติดตั้ง
  • แนะนำสำหรับกรณีที่ใช้งานสารเคมีที่มีการเป็นพิษต่ำจำนวนน้อย ๆ
  • เหมาะสำหรับแหล่งปนเปื้อนที่กระจายตัวหรือเคลื่อนที่

ข้อเสียของระบบเจือจางอากาศ

  • ไม่แนะนำสำหรับสารเคมีที่เป็นพิษสูง
  • ไม่สามารถขจัดสิ่งปนเปื้อนได้หมด จึงไม่แนะนำสำหรับฝุ่นละออง, ควัน, ก๊าซ หรือไอระเหยที่มีความเข้มข้นสูง
  • ต้องใช้อากาศร้อนหรือเย็นทดแทนในปริมาณมาก
  • ไม่แนะนำสำหรับการปล่อยสารปนเปื้อนที่ผิดปกติ

ระบบระบายอากาศเสียในพื้นที่

ระบบระบายอากาศเสียในพื้นที่จะดักจับสิ่งปนเปื้อนที่แหล่งกำเนิดและขับออกไปภายนอก โดยมันจะทำงานบนหลักการที่อากาศเคลื่อนจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ ความแตกต่างของแรงดันนี้เกิดจากพัดลมที่ดึงอากาศผ่านระบบระบายอากาศ

ระบบนี้ใช้ในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนในอากาศสูง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับพนักงานมากขึ้น โดยจะนิยมใช้ก็ต่อเมื่อ 

  • การปล่อยมลพิษที่ไม่สม่ำเสมอกันในแต่ละช่วงเวลา
  • สารอันตรายที่มีความเข้มข้นสูง
  • แหล่งที่มาของสารปนเปื้อนเป็นแบบอยู่กับที่
  • พนักงานอยู่ใกล้แหล่งปนเปื้อน
  • โรงงานอยู่ในสถานที่ที่มีสภาพอากาศเลวร้าย
  • ไม่จำเป็นต้องหมุนเวียนอากาศในโรงงาน

ข้อดีของระบบระบายอากาศเสียในพื้นที่

  • ต้องการใช้อากาศร้อนหรือเย็นทดแทนน้อยลง เพราะปริมาณอากาศที่ระบายออกมีน้อยลง
  • ลดค่าใช้จ่ายในการทำความร้อนและความเย็น
  • จับการปล่อยที่แหล่งกำเนิดและกำจัดออก
  • เป็นการระบายอากาศที่ดีที่สุดสำหรับสารปนเปื้อน, ควัน, ก๊าซ, ไอระเหย และฝุ่นละอองในอากาศที่เป็นพิษสูง

ข้อเสียของระบบระบายอากาศเสียในพื้นที่

  • ค่าใช้จ่ายในการออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษาสูง
  • ต้องบำรุงรักษา ตรวจสอบ และทำความสะอาดเป็นประจำ

ระบบ HVAC

ระบบ HAVC

คือระบบปรับสภาวะอากาศ ซึ่งจะจัดการอากาศเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความสะอาด ให้อากาศกระจายออกไปตามที่ต้องการสำหรับพื้นที่นั้น ๆ เช่น ตามห้างสรรพสินค้า, โรงงานอุตสาหกรรม, อาคาร, ตึก, สำนักงาน, ห้องทดลอง ฯลฯ ซึ่งจะประกอบไปด้วย

  • Heating : การทำความร้อน
  • V-Ventilation : การระบายอากาศ
  • AC-Air conditioning : การปรับอากาศ

โดยโครงสร้างของ HVAC ทั้ง 3 ระบบ จะทำงานควบคู่กันตลอดเวลา เพื่อประสิทธิภาพในการจัดการอากาศหลักการกลศาสตร์ทางวิศวกรรม ระบบนี้เหมาะสมกับสถานที่สำหรับอุตสาหกรรมในระบบปิด ที่มีลักษณะซับซ้อนหรือต้องการควบคุมอุณหภูมิ และความชื้น

ข้อดีของระบบ HVAC

  • สามารถใช้แทนเครื่องอากาศได้
  • ช่วยกำจัดความชื้น, ควัน, กลิ่นไม่พึงประสงค์, ความร้อน, ฝุ่น, แบคทีเรียในอากาศ, คาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซที่ไม่พึงประสงค์อื่น ๆ
  • ช่วยในเรื่องของการควบคุมอุณหภูมิ และการเติมออกซิเจนภายในพื้นที่

ข้อเสียของระบบ HVAC

  • มีความซับซ้อนของระบบที่สูง จำเป็นจะต้องใช้ช่างผู้ชำนาญการในการออกแบบและติดตั้ง
  • มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบที่มาก
  • จำเป็นจะต้องได้รับการบำรุงรักษาระบบอย่างสม่ำเสมอ

สรุป

จะเห็นได้ว่า ระบบระบายอากาศภายในอาคารนั้นมีความจำเป็นอย่างมากกับงานโครงสร้างอาคารต่างๆ ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของการระบายอากาศทั่วๆ ไปแล้ว ยังให้คุณประโยชน์อื่นๆ แฝงมาอีกด้วย

แต่ระบบระบายอากาศเหล่านี้เองก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาท่อลมเช่นเดียวกัน ฉะนั้น การหาท่อลมแอร์ หรือท่อดักท์ที่ได้คุณภาพ และได้มาตรฐานสากล ก็ต้องเลือกจากร้านวัสดุก่อสร้างที่เชื่อถือได้ เช่นเดียวกันกับ UDWASSADU ที่เป็นร้านวัสดุก่อสร้างที่มีประวัติในแวดวงงานระบบปรับอากาศ ไฟฟ้า และสุขาภิบาลมากว่า 25 ปี รวมถึงยังจำหน่ายแบบออนไลน์ ทำให้เข้าถึงได้ง่าย และยังพร้อมส่งทั่วประเทศอีกด้วย