ท่อ PPR (ท่อเขียว) ท่อน้ำร้อน คืออะไร ใช้งานยังไง

ท่อ PPR คือ

 ท่อ PPR จะเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ให้กับระบบประปาภายในบ้านเรามาได้สักพักแล้วก็ตาม แต่อาจจะยังไม่มีการใช้งานท่อประเภทนี้ทั่วถึงมากนัก บทความนี้จึงจะพาคุณไปเรียนรู้ว่าท่อ PPR คืออะไร มีลักษณะแบบไหน แตกต่างจากท่อ PVC อย่างไร และมันดียังไงกับการใช้งานในระบบประปา เพื่อการทำงานที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกท่านในอนาคต

ท่อ PPR คืออะไร ? 

ท่อ PPR คือ ท่อที่ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยมาตรฐานใหม่ โดยแรกเริ่มนั้นผลิตจากประเทศเยอรมนี และแพร่หลายในทวีปยุโรปเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะมาเริ่มนิยมในแถบเอเชียภายหลัง มีคุณสมบัติที่ดีกว่าตัวเลือกอย่างท่อ PVC ที่ใช้ในงานประปาแบบทั่ว ๆ ไป ด้วยความสามารถที่ทนความร้อนได้ดีกว่า และ สามารถเชื่อมกับข้อต่อด้วยความร้อนเพื่อลดปัญหาการรั่วซึมตามข้อต่อที่มีมากในท่อ PVC ซึ่งใช้กาวเชื่อมประสานท่อ

และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนั้นเอง ทำให้มันกลายเป็นท่อที่เหมาะสำหรับงานระบบประปาน้ำอุ่น และประปาน้ำร้อน ซึ่งใช้ในงานประปาภายในอาคาร โดยเป็นได้ทั้งท่อน้ำร้อน, ท่อน้ำอุ่น, ท่อสารเคมีภายในอาคาร, บ้าน, โรงพยาบาล, โรงแรม รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และหน่วยงานที่ต้องการความคงทนถาวรของท่อ หรืออาคารเพื่อการอยู่อาศัยในระยะยาว โดยจะมีลักษณะภายนอกส่วนใหญ่เป็นสีเขียว และมีขีดคาดที่ท่อ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละแบรนด์ที่ผลิต 

ท่อ ppr คือ อะไร ใช้งานยังไง

คุณสมบัติเด่นของตัวท่อ

  1. มีความสามารถในการทนทานอุณหภูมิได้สูง 95 องศาเซลเซียส และสามารถรับแรงดันได้สูงถึง 20 บาร์ จึงเหมาะสำหรับเป็นท่อน้ำอุ่น และท่อน้ำร้อนทั้งหลายในระบบประปาต่าง ๆ ที่ต้องการทั้งความทนทานต่อแรงดันและอุณหภูมิภายในท่อ
  2. ท่อ PPR คือ ท่อที่ถูกผลิตขึ้นมาจากพลาสติกคุณภาพสูง มีความสะอาด ปลอดภัย และด้วยความที่พลาสติกนั้นเป็นแบบ Food Grade ที่ได้รับการยอมรับจากกรีนพีช จึงสามารถใช้งานเป็นท่อน้ำสำหรับทั้งการอุปโภค และบริโภคได้โดยตรง โดยไม่มีสารเคมีเจือปน และไม่เป็นสารก่อมะเร็ง
  3. ลดปัญหาการรั่วซึมได้อย่างชัดเจน เพราะมีการติดตั้งเชื่อมท่อแบบสอด โดยการใช้ความร้อน 250-260 องศา ทำให้เนื้อพลาสติกของท่อและข้อต่อผสานเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีรูรั่วที่อาจเกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของกาวเชื่อมประสานท่อในส่วนของข้อต่อ
  4. มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 50 ปี รวมถึงมีเนื้อพลาสติกที่มีคุณภาพ และมีความหนาแน่นสูง ช่วยทำให้แสงลอดผ่านไม่ได้ หมดปัญหาสนิมและตะกรันในงานระบบประปา วางใจได้ในคุณภาพและอายุการใช้งาน
  5. มีน้ำหนักที่เบา และทนทานต่อสารเคมี เนื่องจากถูกผลิตขึ้นมาจากพลาสติก Polypropylene ทำให้นอกจากจะติดตั้งได้ง่าย และสะดวกต่อการขนส่งท่อระหว่างการทำงานแล้ว ยังเป็นตัวเลือกที่ช่วยทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเดินท่อซ้ำซ้อนได้เช่นกัน 

อุปกรณ์ประกอบท่อ ppr

ข้อดีของท่อ PPR

  1. ผิวภายในมีความเรียบ จึงส่งผลให้มีความต้านทานการไหลที่น้อย ดังนั้นแล้วอัตราการไหลของน้ำหรือสารต่าง ๆ จึงดีตามไปด้วย
  2. มีค่าคงที่ในการนำความร้อนที่ต่ำกว่าท่อโลหะมาก รวมถึงยังสามารถรักษาความร้อนได้มากกว่าท่อโลหะทั่ว ๆ ไป แสดงให้เห็นว่าตัวท่อนั้นมีความเป็นฉนวนในตัวได้กึ่งหนึ่ง จึงใช้ฉนวนในการหุ้มน้อยกว่าท่อโลหะนั่นเอง
  3. มีข้อต่อเกลียวหลากหลายชนิด และมีระบบหน้าจาน ANSI , JIS , DIN ซึ่งเป็นเกลียวมาตรฐานสากล จึงสามารถใช้ต่อเข้ากับท่อประเภทอื่น ๆ ได้โดยไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง
  4. การซ่อมแซมเมื่อโดนสว่าน หรือตะปูเจาะเองก็ทำได้ง่าย หากท่อ PPR มีความเสียหายเล็กน้อย เช่น มีรอยหรือถูกเจาะจากเครื่องมือ สามารถซ่อมได้ไม่จำเป็นต้องรื้อโครงสร้างระบบท่อออก หรือรื้อผนังและกระเบื้องเพื่อซ่อม เนื่องจากสามารถใช้แท่งซ่อมท่อ กับความร้อนในการอุดรอยรั่วเหล่านั้นได้
  5. มีข้อต่อแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘ท่อครอส’ ที่ทำให้สามารถวางท่อทับกันได้ ซึ่งช่วยให้คนออกแบบระบบนั้นมีข้อจำกัดที่น้อยลง และในบางครั้งก็สามารถลดค่าใช้จ่ายระบบท่อได้ด้วย จากการที่ไม่ต้องลากท่ออ้อมไปอ้อมมา
  6. มีความทนทานต่อแรงกระแทกสูง แข็ง เหนียว ไม่เปราะแตกง่าย และทนต่อสารเคมี รวมไปถึงเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงในตัวมันเอง
  7. เป็นท่อที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากถูกผลิตขึ้นมาจากพลาสติกที่ปลอดภัยและเป็น Thermo Plastic จึงสามารถนำมาใช้ซ้ำได้อีกโดยไม่เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อมในภายหลัง

ความแตกต่างระหว่างท่อ PPR และท่อ PVC

1.วิธีการติดตั้ง

ท่อนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องเชื่อมในการให้ความร้อนกับผิวท่อ และข้อต่อเพื่อประสานให้พลาสติกกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ลดปัญหาในการรั่วซึมของท่อไปได้เป็นอย่างมาก

ท่อ PVC จำเป็นที่จะต้องใช้กาวเชื่อมในการประสานท่อ และข้อต่อเข้าด้วยกัน ทำให้อาจเกิดปัญหารั่วซึมในอนาคตได้จากการที่กาวเสื่อมสภาพ หรือทากาวเชื่อมประสานระหว่างท่อกับข้อต่อได้ไม่ดี

2.คุณภาพวัสดุ

ท่อนี้มีความยืดหยุ่นที่สูง ตัวเนื้อพลาสติกของท่อนั้นมีความเหนียว ไม่แตกหักเมื่อโดนเหยียบ หรือกระแทกโดยไม่ตั้งใจ

ท่อ PVC มีความเปราะ และแตกได้ง่าย ทำให้เมื่อโดนเหยียบเข้าจะมีโอกาสแตกหักได้สูง และยังไม่ทนทานต่อแรงกระแทก

3.อายุการใช้งาน

ท่อนี้ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 50 ปี ด้วยระบบการเชื่อมความร้อนให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน ส่งผลทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาการรั่วซึม รวมถึงแสงไม่ลอดผ่าน

ท่อ PVC ขึ้นอยู่กับอายุของกาวเชื่อมประสานและคุณภาพในการติดตั้ง อีกทั้งยังเสี่ยงเสื่อมสภาพได้ หากได้รับแสงอุลตร้าไวโอเลตที่มากับแสงแดดเป็นเวลานาน

อายุการใช้งานท่อ ppr

4.ระบบน้ำร้อน

ท่อนี้ มีท่อรุ่นคาดขาว SDR 6 และคาดแดง SDR 6 ที่ทนอุณหภูมิการใช้งานได้สูงสุดถึง 95 องศาเซลเซียส

ท่อ PVC ไม่สามารถใช้ร่วมกับระบบน้ำร้อนได้เต็มประสิทธิภาพนัก เนื่องจากทนอุณหภูมิใช้งานได้ไม่เกิน 50 องศาเซลเซียสเท่านั้น

5.ความสามารถในการซ่อมแซมเมื่อโดนสว่านหรือตะปูเจาะ

ท่อนี้ ซ่อมแซมได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงเปิดผนังเฉพาะบริเวณที่เจาะโดน แล้วใช้แท่งซ่อมกับความร้อนอุดรูรั่วที่โดนตะปูเจาะ

ท่อ PVC หากเจาะโดนท่อ จำเป็นจะต้องรื้อผนังและกระเบื้องเพื่อซ่อม รวมการรื้อระบบท่อบางส่วนออกเพื่อทำการซ่อมแซม 

6.การทดสอบระบบน้ำภายหลังการติดตั้ง

ท่อนี้ สามารถทดสอบได้ทันที หลังจากท่อเย็นตัวลงแล้วภายในไม่กี่นาที ช่วยทำให้งานเสร็จได้เร็ว และแก้ปัญหาได้ตรงจุด

ท่อ PVC ต้องรอประมาณ 1 วัน เพื่อให้กาวเชื่อมประสานท่อนั้นแห้ง จึงจะสามารถทดสอบระบบน้ำได้ว่ามีปัญหาตรงไหนหรือไม่อย่างไร

วัสดุท่อ ppr

7.ราคาของวัสดุ

ท่อเขียว มีราคาที่สูงกว่าท่อ PVC แต่ก็ถูกกว่าท่อเหล็ก และท่อทองแดง และจำเป็นต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญในเรื่องของท่อ PPR ในการติดตั้ง

ท่อ PVC มีราคาที่ถูก หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด รวมไปถึงหาช่างมาติดตั้งได้ง่ายด้วยเช่นกัน

8.อุปกรณ์หลักในการติดตั้ง 

ท่อเขียว ต้องใช้เครื่องเชื่อมท่อในการให้ความร้อนกับเนื้อท่อและข้อต่อ

ท่อ PVC ต้องใช้กาวเชื่อมประสานท่อในการเชื่อมท่อเข้ากับข้อต่อต่างๆ

ราคาท่อ PPR

  • ราคาท่อ: 140 – 40,800 บาท
  • ขนาดท่อ: 20m. (1/2”), 25 mm. (3/4″), 32 mm. (1″), 40 mm. (1-1/4″), 50 mm. (1-1/2″), 63 mm. (2″),75 mm. (2-1/2″), 90 mm. (3″), 110 mm. (4″), 125 mm. (5″), 160 mm.(6″), 200 mm. (8″), 250 mm. (10″), 315 mm. (12″)

ทำไมต้องท่อ PPR สำหรับการใช้งานเป็นท่อน้ำร้อน

สำหรับท่อน้ำร้อน เป็นท่อที่ต้องการแรงรับแรงดัน และทนความร้อนได้สูงกว่าท่อน้ำประเภทอื่น โดยท่อน้ำร้อนที่ดีจะต้องไม่เกิดปฏิกิริยา แล้วเกิดสารตกค้าง ซึ่งอุณหภูมิที่ท่อน้ำร้อนหรือท่อ PPR ที่รับได้สูงถึง 95 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังมีคุณสมบัติทนทาน ไม่แตกเปราะง่าย สะอาด ปราศจากสารก่อมะเร็ง

สรุป

จะเห็นได้ว่า ท่อ PPR หรือที่คนไทยเรามักจะเรียกติดปากกันว่าท่อเขียวนั้น คือท่อที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนการใช้งานท่อ PVC ในงานประปาเลยก็ว่าได้ มันจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่จะช่วยลดปัญหาจุกจิกในเรื่องของการซ่อมแซมท่อ PVC ที่มีปัญหาแตกหักบ่อยจากทั้งการกระแทก และแรงดันจากปั๊มน้ำ หรือปัญหารั่วซึมต่างๆจากการเชื่อมกาวทั้งหลาย

แม้ว่าจะมีราคาที่สูงกว่าก็ตาม แต่ในระยะยาวแล้วนั้น ท่อนี้ ก็ดูคุ้มค่าคุ้มราคา และอยู่กับเราไปได้ในนานกว่าท่อ PVC อย่างแน่นอน และหากใครกำลังมองหาท่อ PPR (Thai PPR) อยู่แล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะไปดูได้ที่เว็บไซต์ UDWASSADU เพื่อเลือกซื้อวัสดุในงานระบบที่คุณต้องการกันได้เลย

REF

https://thaippr.com/what-is-ppr/ 

https://www.torpvc.com/about-ppr